ทำไมถึงบอกว่า “คนไทยนิสัยผึ้ง” มันมีเหตุค่ะ ก็มีวันนึงพอดีมีนัดไปทำธุระย่านสีลม ก็เป็นวันธรรมดา วันทำงานปกติทั่วไปนี่ล่ะ ลงจากมอไซด์เสร็จก็เดินไปเรื่อย ๆ ก็มองดูบรรยากาศรอบ ๆ ตัวไปเรื่อย ก็คงเหมือนสถานที่อื่น ๆ ใน กทม ที่เป็นย่านของคนทำงาน แต่เอ๊ะ!!!! สังเกตเห็นพฤติกรรมบางอย่างของสาว ๆ หรือหนุ่ม ๆ ในวัยทำงาน หรือแม้แต่เด็กนักเรียน ในมือถือแก้วหรือหิ้วกันมาคนละแก้ว มันเป็นแฟชั่นใหม่หรือเปล่าเนี่ย มันคือ กาแฟ น้ำหวาน คนละแก้ว สองแก้ว พร้อมขนม 1 ถุง เดินมาอีกหน่อยก็เห็นแถวยาวเฟื้อยเลย ด้วยความสงสัยเขาทำอะไรกัน อ๋อ! คนเข้าคิวซื้อของบางอย่าง มันคือ น้ำหวาน!! ขอย้ำนะคะ มันคือน้ำหวาน!!! หรือนี่คนไทยเป็นผึ้งไปหมดแล้ว ต้องออกหาน้ำหวานกันตั้งแต่เช้า บางคนหากินเช้าเที่ยงเย็นกันไปเลย ขยันหาน้ำหวานเข้าตัวกันจริง ๆ
ชาเย็น ชาไข่มุก โอเลี้ยง กาแฟเย็น น้ำหวานเหล่านี้ เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เราอ้วนได้ง่าย ๆ บางคนดื่มวันละ 3 แก้ว 3 เวลากันเลย ทำให้น้ำหนักพุ่งพรวดเกินมาตรฐานกันไป ส่วนผสมหลัก ๆ ของน้ำหวานเหล่านี้ก็ คือ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ ให้พลังงาน 45 แคลอรี่
- นมข้นหวาน 1 ช้อนโต๊ะ ให้พลังงาน 60 แคลอรี่
- นมข้นจืด 1 ช้อนโต๊ะ ให้พลังงาน 43 แคลอรี่
- ผงกาแฟ ชา และผงโกโก้ ให้พลังงานไม่เกิน 30 แคลอรี่ ต่อแก้ว
เรามาลองฝึกคำนวณกันเล่น ๆ ดูนะคะว่า บรรดาน้ำหวานเหล่านี้ แคลอรี่รวมเท่าไหร่ เอาสักตัวอย่างหนึ่งละกัน เอาเป็นกาแฟเย็นยอดฮิตละกันค่ะ

- กาแฟเย็น ส่วนผสม
- ผงโอเลี้ยง 2 ช้อนโต๊ะ (30 แคลอรี่)
- น้ำ 1/2 ถ้วย
- น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ (45 x 2 = 90 แคลอรี่)
- นมข้นหวาน 3 ช้อนโต๊ะ (60 x 3 = 180 แคลอรี่)
- นมข้นจืด ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ (43 x 1 = 43 แคลอรี่)
- น้ำแข็ง
แคลอรี่รวมเท่ากับ 30+90+180+43 = 343 แคลอรี่ มันเท่ากับอาหารอะไรที่เรากินกันบ้างดูตามรูปด้านล่างนี่เลย

แล้วถ้าจะใช้พลังงานที่กินกาแฟเย็นแก้วนึงให้หมดไปต้องทำอย่างไร มาดูกัน ตามภาพด้านล่างนี่เลย ดูข้อมูลนะคะ อย่ามองแต่ท้องทะเลจนเพลินไปล่ะ บ่ บ่ บ่ เด้อค่ะ แน่ะยังดูอยู่อีก!!

ตอนดูดกินน้ำหวาน มันหวานเย็นชื่นใจ แต่ทำไมตอนใช้มันให้หมดถึงยาวนาน ทรมานนะ ว่ายน้ำตั้ง 1.5 กม. กว่าจะหมด หมดแรงจมตั้งแต่ 200 เมตรแรกแล้วละค่ะ ส่วนน้ำหวานยอดฮิตชนิดอื่น ๆ แคลอรี่รวมเท่าไหร่กันบ้าง เบิ่ง ได้ตามรูปด้านล่างนี้เลย

ทีนี้เรามาดูกันว่าแล้วน้ำหวานเหล่านี้ทำให้เราอ้วนได้ยังไง ?
มื้อเช้า
- กินโจ๊กละกัน 1 ชาม 272 แคลอรี่
- แวะซื้อกาแฟเย็น 1 แก้ว 317 แคลอรี่
มื้อเที่ยง
- บะหมี่เย็นตาโฟ 1 ชาม 362 แคลอรี่
- เปลี่ยนเป็นชาเย็น 1 แก้ว 319 แคลอรี่
มื้อเย็น
- ข้าวหมูย่าง 1 จาน 443 แคลอรี่
- ขอชาเขียวสักแก้ว 319 แคลอรี่
รวมวันนี้ทั้งวัน 2,032 แคลอรี่ ถ้าเราเป็นหญิงเผาผลาญวันละ 1,500 แคลอรี่ นั่นแสดงว่าเราจะเหลือเก็บเท่ากับ 2,032 – 1,500 = 532 แคลอรี่ คูณ 7 วันเท่ากับ 3,724 แคลอรี่ ซึ่งเท่ากับ น้ำหนักของเราจะเพิ่ม 0.5 กก. ต่อสัปดาห์ และเป็น 2 กก. ใน 1 เดือนโดยประมาณ อวบได้ในเวลาอันรวดเร็วนะคะ
ในทางกลับกันเราตัดน้ำหวาน เลิกทำตัวเป็นผึ้งออกไป พลังงานของเราที่กินเข้าไปจะเหลือแค่ 1,077 แคลอรี่ แต่เราใช้พลังงานไปวันละ 1,500 – 1,077 = 427 x 7 วัน = 2,989 แคลอรี่ น้ำหนักของเราก็จะค่อยลดลงเกือบครึ่งกิโลกรัม เดือนนึงก็เกือบ 2 กิโลกรัมเลยนะคะ แถมสุขภาพดี ลดความเสี่ยงจากการกินน้ำตาลมากเกินไป ลดโรคที่เกี่ยวข้องไปได้มากมาย
ก็อึ้งกันไปเลยละค่ะ! มิน่าคนไทยถึงอ้วนเป็นอันดับ 2 ในอาเซียน เราเป็นรองแค่มาเลเซียเท่านั้นเอง อนาคตอาจก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์อันดับ 1 แบบเต็มภาคภูมิ แต่ว่าจะดีใจ ดีหรือเปล่าน๊า!!
สรุปนะคะ แค่เราลด ละ เลิก บรรดาน้ำหวานชนิดต่าง ๆ ปล่อยให้ผึ้งทำหน้าที่เก็บน้ำหวานไป เราไม่ต้องทำตามผึ้งน้อย แค่นี้โอกาสที่เราจะอ้วนก็ยาก พฤกติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันทำให้เราอ้วน เราก็ต้องแก้ที่พฤกติกรรมโดยทำตรงกันข้าม ก็แค่นั้นเองค่ะ !!! อตร. สำหรับหุ่นสวยงามของเรามันอยู่รอบตัวเรา อยู่ในวิถีชีวิตของเรานี่เอง มันใกล้จนเรามองไม่เห็น กว่าจะรู้ก็อวบ อ้วนซะแหล่ว !
เป็นเพื่อนร่วมรูปร่างดีไปด้วยกันนะคะ เป็นกำลังใจให้ทุกคน คุยกันได้ที่
เป็นเพื่อนกันได้ อ่านแล้วดีฝากแชร์ด้วยนะคะ
Line id : manussanank
Mobile : 089 447 2161
ลิงค์แนะนำ ลดน้ำหนักด้วยบอดี้คีย์ (BodyKey) จาก 67 เหลือ 59 กรูทำได้!