“กินปลาได้โอเมก้า 3 ดีต่อสุขภาพ” เรามักจะได้ยินบ่อยๆ จากโฆษณา บทความต่างๆ แล้วเรารู้กันหรือไม่คะว่า โอเมก้า 3 มีดีต่อสุขภาพของเรามากกว่าที่เราคิด แทบจะเรียกได้ว่า โอเมก้า 3 เป็นสารอาหารที่จำเป็น ที่ต้องได้รับเหมือน วิตามิน โปรตีน เกลือแร่ ธาตุอาหารหลักเลยทีเดียว โอเมก้า 3 เป็น ไขมันที่ดีต่อสุขภาพของคนไทยในปัจจุบันที่ต้องผจญกับโรคภัยคุกคาม จากวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่เปลี่ยนไปคะ ดูจากปัจจุบันที่คนเป็นโรคต่างๆ อายุน้อยลงไปเรื่อยๆ ตอนนี้อยากรู้หรือยังว่า โอเมก้า 3 ทำไมถึงเป็น Happy Fat ที่ทำให้ชีวิตเรามีความสุขได้
มาดูกันก่อนว่าโอเมก้า 3 คืออะไร
โอเมก้า 3 คือ กลุ่มของกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวชนิดหนึ่ง เป็นกรดไขมันที่มีความจำเป็นต่อร่างกายอย่างมาก ร่างกายของคนเราขาดโอเมก้า 3 ไม่ได้ แต่กลับสร้างเองไม่ได้ เพราะฉะนั้นจึงต้องได้รับจากการทานอาหารที่มีปริมาณโอเมก้า 3 เข้าไป เพื่อให้ร่างกายของเราใช้งาน
โอเมก้า 3 มี กรดไขมันอีพีเอ (EPA), กรดไขมันดีเอชเอ (DHA) และกรดไขมันแอลฟาไลโนเลนิก (ALA) อาหารที่พบว่ามีปริมาณโอเมก้า 3 เยอะ ได้แก่ อาหารจำพวกปลาและอาหารทะเล โดยเฉพาะจำพวกปลาน้ำเย็น เช่น ปลาแซลมอน ปลาแมคเคอเรล ปลาทูน่า และปลาซาร์ดีน เป็นแหล่งของโอเมก้า 3 ชั้นดี นอกจากนี้ยังพบโอเมก้า 3 ได้จาก ถั่วและเมล็ดพืช เช่น เมล็ดเจีย เมล็ดแฟลกซ์ วอลนัท เมล็ดฟักทอง ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากถั่วเหลือง โยเกิร์ต น้ำผลไม้ นม น้ำนมถั่วเหลือง หรืออาหารทารกบางอย่าง เป็นต้น
ประโยชน์ที่เราจะได้รับจาก โอเมก้า 3 ดูว่าทำให้เรา Happy ได้ยังไง
– ป้องกันโดยลดการเกิดลิ่มเลือดในเลือด ลดความเสี่ยงต่อการเกิดเส้นเลือดอุดตันเฉียบพลัน
– ช่วยในการเผาผลาญไขมันที่ไม่ดี
– ช่วยให้เซลล์แข็งแรง กล้ามเนื้อกระชับ
– ช่วยบำรุงระบบการทำงานของหัวใจทั้งระบบให้ทำงานได้ดี
– ช่วยควบคุมระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด
– ป้องกันและลดอัตราเสี่ยงการเกิดโรคความดัน โรคเบาหวาน
– ช่วยควบคุมความดันโลหิตโดยกลไกลเกี่ยวกับพรอสตาแกลนดิน
– ช่วยควบคุมการอักเสบ ปวดบวม ของโรคปวดข้อรูมาตอยด์
– ช่วยป้องกันการอักเสบของโรคผิวหนังบางชนิด
– ช่วยลดความหนืดของเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนได้สะดวกดีขึ้น
– DHA สำคัญต่อการพัฒนาสมองและเรตินาของดวงตา โดยเฉพาะผู้ที่ต้องทำงานหน้า คอมพิวเตอร์อยู่ตลอดเวลา
– ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
– ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคความจำเสื่อมอัลไซม์เมอร์ โรคสมาธิสั้น
– DHA สำหรับสตรีตั้งครรภ์ช่วงเดือนที่ 4-6 จะช่วยทำให้มีสุขภาพครรภ์ที่ดี
– ช่วยเพิ่มน้ำหนักเด็ก และ ลดอัตราการคลอดก่อนกำหนด
– ช่วยให้ผิวพรรณอ่อนเยาว์ กระชับ ชุ่มชื้น น่าสัมผัส
ถ้าเราดูจากแหล่งที่มาของโอเมก้า 3 แล้ว จะเห็นว่าเรามีโอกาสขาดโอเมก้า 3 ในเปอร์เซ็นต์ที่สูงพอดู ขนาดแหล่งที่ดีอย่างปลา ก็ส่วนใหญ่เป็นปลาน้ำเย็น อ๊ะ! แล้วบ้านเราอยู่เขตร้อนทำไงดี แต่ก็มีขายในซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหารต่างๆ เหมือนกันคะ พอมาดูราคาก็สตั๊น แป๊บ!!! คนมีกะตังค์มากๆ ก็โอเค กินทุกวันยังได้ ส่วนมนุษย์เงินเดือนคนเดินดิน กินข้าวแกงแบบเราทำยังไงดีที่จะทำให้เราได้รับโอเมก้า 3 ทุกวันได้ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโอเมก้า 3 ไงละคะ เป็นทางเลือกที่ง่าย สะดวก และประหยัด ไม่ต้องเสียเวลาไปหาปลามากิน (ยกเว้นวันนั้นอยากกินปลาสดๆ ปลาของข้า โอเมก้า 3 ของข้า แฮ่! อิอิ!!) แล้วเราจะเลือกยังไงดี มาคะ จะบอกให้ว่าเลือกยังไง ถึงจะได้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโอเมก้า 3 ที่มีคุณภาพดี เพื่อสุขภาพของเรา ตามนี้เลยคะ
– มีการยืนยันจากหน่วยงาน หรือห้องแลปต่างๆ ก็เป็นสิ่งยืนยันในคุณภาพได้ในระดับนึงได้เลยว่า โอเค เช่น ในที่นี้ขอใช้ข้อมูลน้ำมันปลาของนิวทริไลท์ น้ำมันปลา นะคะ เพราะกินอยู่ทุกวัน โดยได้รับการยืนยันจาก Consumerlab ว่าเป็นน้ำมันปลา 1 ใน 2 แบรนด์ทั่วโลก ที่มีปริมาณโอเมก้า 3 ตามที่ระบุจริง คือ ปริมาณ EPA+DHA = 140 มก. (EPA 80 มก., DHA 60 มก.)
– ต้องสกัดจากปลาแซลมอล จากทะเลมหาสมุทรแอตแลนติก เพราะเป็นแหล่งที่ปลาแซลมอนมีกรดไขมันโอเมก้า 3 สูงที่สุด ปลอดภัยไม่ใช่แซลมอนเลี้ยงกระชัง โด้ปยา เป็นแซลมอนธรรมชาติ กินแพลงตอนเป็นอาหาร
– ต้องให้กรดไขมัน โอเมก้า 3 ซึ่งประกอบด้วย EPA และ DHA
– ควรมีสัดส่วนของ EPA และ DHA เป็นอัตราส่วน 4:3 เป็นสัดส่วนที่มีประสิทธิภาพ ยกตัวอย่าง เช่น EPA 80 มก. : DHA 60 มก.
– ควรมีส่วนผสมของวิตามินอี ซึ่งเป็นตัว Antioxidant เพื่อรักษาคุณภาพของน้ำมันปลา ไม่ให้เกิดการ Oxidation กลายเป็นอนุมูลอิสระตัวร้าย
– บรรจุในแคปซูลนิ่มรักษาคุณภาพ รับประทานง่าย ไม่ใช้สีสังเคราะห์ วัตถุปรุงแต่งรส และ วัตถุกันเสีย
– ได้รับการรับรองเป็นผลิตภัณฑ์ฮาลาล IFANCA สำหรับผู้บริโภคที่เป็นมุสลิม
เปรียบเทียบน้ำมันปลาชนิดแคปซูล (90 เม็ด 800 บาท = 8.88 บาทต่อเม็ด รับประทาน 1-2 แคปซูล) กับอาหารที่เป็นแหล่งโอเมก้า 3
– ปลาแซลมอลสด กิโลกรัมละ 390-450 บาท แซลมอลที่ดีต้องมาจากมหาสมุทรแอตแลนติก
– แซลมอลสเต็ก จานละ 270-300 บาท
– ปลาทูสด 2 ตัว (ขนาดกลาง) เข่งละ 30-35 บาท
มาถึงตรงนี้แล้ว เป็นอย่างไรกันบ้างคะ “ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ” แต่การที่เราจะได้ลาภอันประเสริฐนี้ เราต้องลงทุนดูแลสุขภาพของเราในทุกๆ วันให้ดี ไม่ใช่ดูแลแค่ตอนที่จะตรวจสุขภาพประจำปี เหมือนจะเข้าสอบ แล้วกลัวไม่ผ่าน ไม่อย่างนั้น เราอาจจะต้องมาพูดว่า “รู้อย่างนี้……………!!!!!” มันอาจจะสายเกินไปแล้วก็ได้คะ
Photo : pixabay.com
เป็นเพื่อนกันได้ อ่านแล้วดีฝากแชร์ด้วยนะคะ
Line id : manussanank
Mobile : 089 447 2161